: 0-2811-1741-5
: racer_official@racerlighting.com
: Monday - Friday : 08.00น. - 17.00น.

บรรยากาศในงาน เปิดตัว ดูโฮม สาขาใหม่ สาขาเทพารักษ์

Racer Light Up The Future...


สุขใจถ้วนหน้า กิจกรรมดีๆกับ RACER✨️

Racer Light Up The Future...


พิธีมอบทุนการศึกษาบุตรพนักงาน ประจำปี 2568✨

Racer Light Up The Future...


01 มกราคม 2567...กรุงเทพมหานคร

กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวง และ นครที่มีประชากรมากที่สุดของไทย เป็นศูนย์กลางการปกครอง การศึกษา การคมนาคมขนส่ง การเงินการธนาคารการพาณิชย์การสื่อสารและความเจริญของประเทศ ตั้งอยู่บนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเจ้าพระยามีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านและแบ่งเมืองออกเป็น 2 ฝั่งคือฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรีกรุงเทพมหานครมีพื้นที่ทั้งหมด 1,568.737 ตร.กม. มีประชากรตามทะเบียนราษฎรกว่า 6 ล้านคนวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าวัดพระแก้วเป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. 2325 เป็นวัดในพระบรมมหาราชวังเช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ซึ่งเป็นวัดในพระราชวังหลวงในสมัยอยุธยา และมีพระราชประสงค์ให้วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรและเป็นสถานที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ เพราะมีแต่ส่วนพุทธาวาสไม่มีส่วนสังฆาวาสภายในวัดพระศรีรัตนศาสดารามมีอาคารสำคัญและอาคารประกอบเป็นจำนวนมาก จึงแบ่งกลุ่มอาคารออกเป็น 3 กลุ่ม ตามตำแหน่งและความสำคัญ ดังนี้กลุ่มพระอุโบสถเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญสูงสุด มีพระอุโบสถเป็นอาคารประธานซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรล้อมรอบด้วยศาลารายพระโพธิธาตุพิมานหอพระราชพงศานุสรณ์หอพระราชกรมานุสรณ์หอระฆังและหอพระคันธารราษฎร์วัดอรุณ เป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยอยุธยา ว่ากันว่าเดิมเรียกว่า วัดมะกอกนอก สร้างในสมัยอยุธยา สมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4โปรดเกล้าให้อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารของรัชกาลที่ 2 มาบรรจุที่พุทธอาสน์ของพระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลกพระประธานในอุโบสถ และพระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดอรุณราชวราราม” จึงได้ถือว่าเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 2 ค่ะช่วงวันหยุดยาวนี้ ถ้าใครยังไม่ได้มีแผนจะไปเที่ยวทำบุญต่างจังหวัดไกลๆ เราชวนให้มาทำบุญไหว้พระ 9 วัด ในกรุงเทพฯในบรรยากาศใหม่ๆ ด้วยการลงเรือเที่ยวเจ้าพระยาล่องแม่น้ำ แวะไหว้พระตามวัดต่างๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นสิริมงคลให้ตัวเอง และรีแลกซ์ท่องเที่ยวง่ายๆ 1 วัน ในกรุงเทพฯพร้อมแล้วตามเรามาได้เลยค่ะ ! เริ่มจากการมาลงเรือที่ท่าน้ำสาธรค่ะ วิธีการเดินทางมาง่ายๆ ด้วยรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีสะพานตากสินนั่นเอง ที่ ท่าน้ำสาธร ซึ่งเราต้องซื้อตั๋วเรือไปเอง แล้วก็ไปลงแต่ละวัด และซื้อตั๋วต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ ข้อดีคือ เราจะได้ใช้เวลาในแต่ละวัดอย่างไม่เร่งรีบ และทำตารางเวลาในการไปเที่ยวแต่ละวัดเอง หรือถ้าใครไม่อยากต้องไปเอง ตามวัดต่างๆ ก็จะมีบริการเรือด่วนพาเราไปไหว้พระ 9 วัดอยู่แล้วค่ะ แต่อาจจะไม่ได้ไป 9 วัดตามนี้ เพราะโปรแกรมก็จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆวัดที่ 1วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร สำหรับการไปไหว้พระที่วัดนี้จะมีคติอยู่ว่า “เดินทางปลอดภัยมีมิตรไมตรีที่ดี” นั่นเองค่ะ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารนั้น สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยเจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร) ค่ะ วัดตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี บริเวณปากคลองบางกอก เมื่อเข้ามาในวัดแล้ว ควรจุดธูปเทียนบูชาพระก่อน ตามลำดับที่ทางวัดตั้งไว้ แล้วจึงเดินเข้าไปภายในพระวิหารหลวง เพื่อกราบนมัสการหลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายกหรือเรียกตามแบบจีนว่าหลวงพ่อซำปอกงเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยองค์ใหญ่ซึ่งมีแค่ที่นี่ ที่วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา และวัดอุภัยภาติการาม จ.ฉะเชิงเทรา 3 วัดเท่านั้นในประเทศไทยค่ะอ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่สักการะหลวงพ่อโต ณ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร=====================วัดที่ 2วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหารหรือวัดแจ้ง เป็นที่รู้กันอยู่ค่ะว่า มาไหว้พระ 9 วัดครั้งไหนๆ ก็ต้องมาที่วัดแจ้งด้วยทุกครั้งไป ด้วยคติที่ว่า “ชีวิตรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน” นั่นเองค่ะ วัดอรุณ เป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยอยุธยา ว่ากันว่าเดิมเรียกว่า วัดมะกอกนอก สร้างในสมัยอยุธยา สมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าให้อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารของรัชกาลที่ 2 มาบรรจุที่พุทธอาสน์ของพระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก พระประธานในอุโบสถ และพระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดอรุณราชวราราม” จึงได้ถือว่าเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 2 ค่ะ=====================วัดที่ 3วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารหรือวัดระฆัง สำหรับวัดระฆังนั้นคนนิยมมากราบไหว้บูชา ปล่อยนกปล่อยปลาที่นี่ค่ะ ด้วยคติ และคำเชื่อที่ว่า มาทำบุญที่วัดระฆัง จะทำให้ “มีชื่อเสียงโด่งดัง คนนิยมชมชอบ” นั่นเอง เมื่อเอ่ยถึงวัดระฆัง สิ่งที่หลายๆ คนต้องนึกถึง คือสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)เนื่องจากท่านเป็นที่เคารพนับถือของเหล่าพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมาก และพระคาถาชินบัญชรที่เชื่อว่าหากสวดกันเป็นประจำจะทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองค่ะอ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่อิ่มบุญ อิ่มใจ ไหว้พระ วัดระฆัง=====================วัดที่ 4วัดอมรินทรารามวรวิหาร เชื่อกันว่าการมาไหว้พระที่วัดนี้ก็คือ “พระอินทร์ประทานพรให้ปลอดภัยจากอันตรายใดๆ ทั้งปวง” วัดอมรินทรารามวรวิหารสร้างขึ้นประมาณ ปี พ.ศ.2200 ไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง เดิมทีมีชื่อวัดว่า “วัดบางว้าน้อย” ตั้งคู่กับ “วัดบางว้าใหญ่” หรือวัดระฆังค่ะ จุดที่น่าสนใจภายในวัด อยู่ที่วิหารหลวงพ่อโบสถ์น้อย ซึ่งมีพระประธานคือ“หลวงพ่อโบสถ์น้อย”เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นศิลปะแบบสุโขทัย ปางมารวิชัยลงรักปิดทอง เป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมมากราบสักการะขอพรจากหลวงพ่อกันเป็นจำนวนมากค่ะ เพราะด้วยความศักดิ์สิทธ์ของหลวงพ่อตั้งแต่ในครั้งสงครามมหาเอเชียบูรพา ตอนที่ระเบิดลง ภายในวัดนี้เสียหายพังพินาศหมด เนื่องจากวัดอยู่ติดกับสถานีรถไฟพอดี คงเหลือไว้แต่เพียงวิหารหลวงพ่อโบสถ์น้อย และมณฑปพระพุทธบาทจำลอง ที่รอดพ้นภัยมาได้ แต่ด้วยแรงระเบิดจึงทำให้เศียรของหลวงพ่อร้าว แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรหลวงพ่อโบสถ์น้อยได้นั่นเองค่ะ หลังจากมาไหว้พระกันถึง 4 วัดแล้ว เราก็สามารถมาแวะทานมื้อกลางวันกันก่อนที่จะไปวัดต่อไปได้ที่ตลาดน้ำตลิ่งชันค่ะ เราสามารถเช่าเรือเหมาลำมาลงที่ตลาดน้ำได้ ที่ตลาดน้ำนี้คงความเป็นอยู่ของวิถีชีวิตของชาวคลองไว้ให้เราได้เห็นๆ กันอยู่ค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าหาดูยากมากในสมัยที่เมืองพัฒนาไปมากขนาดนี้ ภาพที่เห็นได้ในตลาดน้ำตลิ่งชันก็คือ พ่อค้าแม่ค้าที่พายเรือขายอาหาร ผักผลไม้ต่างๆ ทั้งบนโป๊ะ และในคลอง เช่น ก๋วยเตี๊ยว ขนมไทย ผลไม้ต่างๆ ฯลฯ ค่ะ อาหารขึ้นชื่อของที่นี่คงหนีไม่พ้นปลาเผา กุ้งเผา หอยแมลงภู่นึ่ง ค่ะ และของฝากที่นิยมมากนั่นก็คือ หมี่กรอบ นั่นเอง แวะทานอาหารกันเรียบร้อยก็มาลงเรือต่อเพื่อไปวัดต่อไปกันเลยค่ะอ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตลาดนี้มีแต่ของอร่อย=====================วัดที่ 5วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร จากตรงนี้ เราสามารถเช่าเรือจากตลาดน้ำ ซึ่งอาจจะเป็นเรือของชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อมาเที่ยววัดสุวรรณารามต่อเองได้ค่ะ โดยวัดตั้งอยู่ริมคลองบางกอกน้อยฝั่งตะวันตกค่ะ เป็นวัดสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดทอง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนาขึ้นใหม่ทั้งพระอาราม และพระราชทานนามว่า “วัดสุวรรณาราม” วัดสุวรรณารามนี้ เคยปรากฏในพระราชพงศาวดารสมัยกรุงธนบุรีว่า คราวพม่ายกกองทัพมาตีเมืองพิษณุโลก พระเจ้าตากสินมหาราชจะยกกองทัพไปช่วย จึงโปรดให้ถามเชลยศึกพม่าที่จับมาได้จากค่ายบางนางแก้วว่าจะสมัครใจไปช่วยรบพม่าด้วยหรือไม่ แต่เชลยศึกพม่าตอบปฎิเสธ พระเจ้าตากสินจึงจับเชลยศึกทั้งหมดประหารใกล้ๆ วัด จึงทำให้มีความเชื่อว่า ตอนกลางคืนจะมีม้ามาวิ่งอยู่รอบโบสถ์ค่ะ ใครที่มาบนขออะไรที่วัดมักจะประสบความสำเร็จค่ะ วิธีแก้บนก็คือให้มาวิ่งม้าก้านกล้วยรอบโบสถ์นั่นเอง=====================วัดที่ 6วัดคฤหบดี มีคติว่า “เสริมโชควาสนา บารมี ดุจดั่งทอนพคุณ เคียงคู่แก้วมรกต” วัดคฤหบดี เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้กับบ้านปูน เชิงสะพานพระราม 8 ค่ะ มีพระพุทธแซกคำเป็นพระประธานในพระอุโบสถของวัดคฤหบดี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเนื้อทองคำโบราณ ปางมารวิชัยสมัยเชียงแสน เป็นพระพุทธรูปคู่เมืองแห่งราชอาณาจักรล้านนา ต่อมาเจ้าพระยาบดินทรเดชาเป็นแม่ทัพไปปราบกบฏเวียงจันทน์ ได้จับกุมเจ้าอนุวงศ์ กษัตริย์เวียงจันทน์มากรุงเทพฯ พร้อมอัญเชิญพระพุทธแซกคำนำมาทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้ประดิษฐานอยู่ที่วัดคฤหบดีจากนั้นเป็นต้นมาค่ะ=====================วัดที่ 7วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงฝ่ายธรรมยุต ซึ่งมีคติว่า “มีลาภยศที่ยิ่งใหญ่ ดุจพระราชา” ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งพระนคร ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดราชาธิวาสวิหาร” มีความหมายว่า “วัดอันเป็นที่ประทับของพระราชา” เป็นวัดแรกที่ถือกำเนิดคณะสงฆ์ ธรรมยุติกนิกายค่ะ พระอุโบสถเป็นทรงขอมคล้ายนครวัด ออกแบบโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ มีห้องสามตอนคือ ห้องหน้าเป็นระเบียง ห้องกลางเป็นห้องพิธี มีพระสัมพุทธพรรณีเป็นพระประธาน มีเศวตฉัตร 9 ชั้น (ร. 5 หล่อพระราชทาน) หลังพระประธานเป็นซุ้มคูหาเครดิต.travel.trueid.net...


02 กุมภาพันธ์ 2567...พระนครศรีอยุธยา

พระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดในภาคกลาง และเป็นภาคเขตอุตสาหกรรมที่สำคัญ โดยมีผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัด มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศและมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน เคยมีชื่อเสียงในฐานะเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีอำเภอเมือง แต่มีอำเภอพระนครศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางการบริหารจัดการด้านต่าง ๆชาวบ้านโดยทั่วไปนิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "กรุงเก่า" หรือ "เมืองกรุงเก่า" ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 75 กิโลเมตรพระนครศรีอยุธยาเคยเป็นราชธานี(เมืองหลวง) ของอาณาจักรอยุธยาหรืออาณาจักรสยาม ตลอดระยะเวลา 417 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 1893กระทั่งเสียกรุงแก่พม่า เมื่อ พ.ศ. 2310 ครั้นเมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนาราชธานีแห่งใหม่ที่กรุงธนบุรีกรุงศรีอยุธยาก็ไม่ได้กลายเป็นเมืองร้าง ยังมีคนที่รักถิ่นฐานบ้านเดิมอาศัยอยู่และมีราษฎรที่หลบหนีไปอยู่ตามป่ากลับเข้ามาอาศัยอยู่รอบ ๆ เมืองรวมกันเข้าเป็นเมือง จนทางการยกเป็นเมืองจัตวาเรียกว่า "เมืองกรุงเก่า"ในวันหยุดนี้ เสาร์-อาทิตย์นี้ ใครกำลังจะเตรียมตัวไปไหว้พระ 9 วัด อยุธยาเพื่อสิริมงคลแก่ตัวเอง และครอบครัว และกำลังนึกอยู่ว่าจะเริ่มยังไงดี เพราะที่อยุธยานั้นเต็มไปด้วยวัดแทบจะทั้งเมือง เราเลยแจกแผนเที่ยว ขับรถ ไหว้พระให้ครบทั้ง 9 วัดรวมถึง ร้านร้านอร่อยระหว่างทางมาฝากกันค่ะ ไปตามนี้ เที่ยวเช้าไปเย็นกลับสบายๆประวัติ จังหวัดอยุธยา ไปเที่ยวกรุงเก่า ชมวัดสวย กันเถอะออเจ้า!22 ที่เที่ยวอยุธยา เที่ยวใกล้กรุงเทพ ไหว้พระ แวะตลาดน้ำทริปเที่ยวเสาร์-อาทิตย์ไหว้พระ 9 วัด อยุธยาวัดใหญ่ชัยมงคลวัดพนัญเชิงวรวิหารวิหารพระมงคลบพิตรวัดพระศรีสรรเพชญ์วัดธรรมิกราชวัดหน้าพระเมรุวัดเชิงท่าวัดท่าการ้องวัดกษัตราธิราชวรวิหารเช่ารถ ขับเที่ยว ราคาพิเศษ Thai rent a carไปอยุธยา เที่ยววัดไหนดี ?09.00 น. มาถึง1. วัดใหญ่ชัยมงคล เราควรมาถึงอยุธยากันตั้งแต่ 9 โมงนะคะ เพราะว่าถ้ามาถึงสายไปมากกกว่านี้อาจจะทำให้เราไหว้พระไม่ทัน 9 วัดค่ะ แต่ถ้าครอบครัวไหนไม่ซีเรียส เรื่อยๆ ชิลๆ ก็ได้ค่ะ จุดแรกนี้ ขอเริ่มที่วัดใหญ่ชัยมงคลซึ่งอยู่นอกเกาะเมือง ควรแวะเป็นจุดแรกหากขับรถเข้ามาจากถนนสายเอเชีย เจอวงเวียนวัดสามปลื้มที่มีเจดีย์อยู่ตรงกลาง ให้เลี้ยวมาทางซ้าย ประมาณ 900 เมตรก็จะถึงวัดใหญ่ชัยมงคลอยู่ทางซ้ายมือค่ะDiego Fiore / Shutterstock.com วัดใหญ่ชัยมงคล ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวัดสวย แลนด์มาร์กหนึ่งของจังหวัดอยุธยาเลยก็ว่าได้ค่ะ ขึ้นไปไหว้พระรอบๆพระเจดีย์ชัยมงคลไหว้พระพุทธชัยมงคลในพระอุโบสถ ไหว้พระนอนที่วิหารพระพุทธไสยาสน์ ปิดท้ายด้วยการสักการะศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชดูรีวิวเต็มๆ ที่ไหว้พระ อยุธยา วัดใหญ่ชัยมงคล ชมความสวยงาม พระเจดีย์ชัยมงคล เจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยาที่อยู่ :40/3 หมู่ที่ 3 ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาพิกัด :https://goo.gl/maps/XXqCxQXSUZBW1Q8X9เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.โทร :0-3524-2640เว็บไซต์ :https://www.facebook.com/watyai==================10.00 น.2. วัดพนัญเชิงวรวิหารsorawit pramokchutima / Shutterstock.com วัดพนัญเชิงวรวิหารนี้ใกล้กับวัดใหญ่ฯ แค่ 1.5 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ออกจากวัดใหญ่ชัยมงคลเลี้ยวซ้ายขับรถลึกเข้ามาตามถนนเดิม วัดพนัญเชิงวรวิหาร อยู่ทางขวามือfootageclips / Shutterstock.com วัดพนัญเชิงวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่และสำคัญที่ต้องมาให้ได้สักครั้ง ภายในประดิษฐานพระพุทธไตรรัตนนายกหรือหลวงพ่อโตหรือเจ้าพ่อซำปอกงรับพรจากพระสงฆ์ รับสายสิญจน์ รับการพรมน้ำมนต์ ไหว้ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก และให้อาหารปลาบริเวณท่าน้ำเป็นการทำทานอีกด้วยค่ะดูรีวิวเต็มๆ ที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร ที่เที่ยวอยุธยา ไหว้ขอพร หลวงพ่อโต ชมศิลปะอารยธรรมไทยจีนที่อยู่ : ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาพิกัด :https://goo.gl/maps/Mp4MVLbCFvLTPfno8เปิดให้เข้าชม : 07.00-18.00 น.โทร : 0-3524-3867เว็บไซต์ :https://www.facebook.com/WatphananchoengAyutthaya==================11.00 น. แวะทานอาหารเที่ยงกันที่ตลาดน้ำอโยธยาElizaboon / Shutterstock.com เจอวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้มขับตรงไป 1 กิโลเมตรก็จะเห็นตลาดน้ำอโยธยาทางขวามือค่ะ ตลาดน้ำอโยธยาเป็นตลาดขายสินค้าที่ล้อมรอบไปด้วยน้ำในรูปแบบของตลาดน้ำ มีร้านค้าหลากหลาย ทั้งร้านขายอาหารคาวหวาน อาหารทะเล เรือขายอาหาร ขนม ของฝาก ร้านขายสินค้า OTOP ร้านนวดเพื่อสุขภาพ และยังมีบริการล่องเรือชมบรรยากาศรอบๆ ตลาดน้ำอีกด้วยdocter_k / Shutterstock.com นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้อาหารปลาคาร์ฟ ป้อนนมแพะ ป้อนอาหารแกะ ชมควายไทย วาดภาพเหมือน และตรงด้านหน้าจะเป็นปางช้างสามารถป้อนอาหารช้างได้ค่ะดูรีวิวเต็มๆ ที่ตลาดน้ำอโยธยา ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ ช้อปชิล สไตล์ย้อนยุค ในวันหยุดที่อยู่ : ตำบลไผ่ลิง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาพิกัด :https://goo.gl/maps/BH7emKwFLxrLVuev5เปิดให้เข้าชม : 09.00-18.00 น.โทร : -เว็บไซต์ : -==================12.30 น.3. วิหารพระมงคลบพิตร ย้อนกลับไปทางวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้มค่ะ คราวนี้เจอวงเวียนให้เลี้ยวขวา ข้ามสะพานปรีดี-ธำรง (ข้ามแม่น้ำป่าสัก) ตรงไปจนสุดทางเจอสามแยกให้เลี้ยวขวา เจอวงเวียนเล็กๆ ให้ตรงไป จะเห็นวิหารพระมงคลบพิตรอยู่ซ้ายมือ อยู่ติดกับพระราชวังโบราณnoomcpk / Shutterstock.com วิหารพระมงคลบพิตร นี้สันนิษฐานกันว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นราวแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เราเริ่มด้วยนมัสการหลวงพ่อมงคลบพิตรต่อด้วยเข้าไปเดินชมพระราชวังโบราณก็ได้ แล้วไปเดินตลาดบริเวณหน้าวิหารพระมงคลบพิตร ซึ่งมีร้านค้าตั้งเรียงรายมากมายหลายร้าน จำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นเมืองแทบทุกชนิด เช่น ปลาตะเพียน เครื่องจักสาน เครื่องหวาย มีด ผลไม้กวน และขนมชนิดต่างๆดูรีวิวเต็มๆ ที่วิหารพระมงคลบพิตร ที่เที่ยวอยุธยา วัดสวย พิกัดไหว้พระ ใกล้กรุงเทพที่อยู่ :ถนนนเรศวร ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาพิกัด :https://goo.gl/maps/Z7YQrdpWS7Az1Upv8เปิดให้เข้าชม : 08.30-16.30 น.โทร :-เว็บไซต์ : -==================13.00 น.4. วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดพระศรีสรรเพชญ์อยู่ใกล้กันกับวิหารพระมงคลบพิตรค่ะ เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งที่สร้างอยู่ในพระราชวังหลวงของพระนครศรีอยุธยาเทียบได้กับวัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งกรุงเทพฯ เลยค่ะวัดพระศรีสรรเพชญ์ สร้างขึ้นในราวปี พ.ศ.2035 โดยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เป็นอดีตวัดหลวงประจำพระราชวัง จุดที่น่าสนใจ และสำคัญคือเจดีย์ทรงลังกาจำนวน 3 องค์ที่วางตัวเรียงยาว ซึ่งบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 และสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2ดูรีวิวเต็มๆ ที่เที่ยวชมความงาม ของ วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดดัง อยุธยา ใกล้กรุงเทพที่อยู่ : ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาพิกัด :https://goo.gl/maps/dJMoZUxhCwTB4jun9เปิดให้เข้าชม : 08.30-16.30 น.โทร :-เว็บไซต์ : -==================14.00 น. มาถึง5. วัดธรรมิกราช มาจามถนนอู่ทองวัดธรรมิกราชอยู่ทางซ้ายมือค่ะ ที่นี่เป็นวัดหลวงเก่าแก่ที่พระมหากษัตริย์เสด็จมาฟังธรรมกันประจำในวันพระ และเป็นสถานที่สอบเปรียญธรรมสำหรับพระสงฆ์ในสมัยโบราณอีกด้วย ที่นี่เป็นวัดหลวงเก่าแก่ที่พระมหากษัตริย์เสด็จมาฟังธรรมกันประจำในวันพระ สร้างขึ้นโดยพระยาธรรมิกราชโอรสของพระเจ้าสายน้ำผึ้ง ปัจจุบันยังเป็นวัดที่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาและปฏิบัติธรรมอยู่ค่ะจุดเด่นที่สำคัญคือ เป็นวัดที่มีการพบเศียรพระธรรมิกราชซึ่งนับเป็นเศียรพระพุทธรูปสำริดที่มีขนาดใหญ่สุด และมีความสำคัญมากที่สุดองค์หนึ่งในประเทศไทยที่อยู่ :ถนนอู่ทอง ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาพิกัด :https://goo.gl/maps/kW92Zdm6ypuwYhds6เปิดให้เข้าชม : 08.30-16.30 น.โทร :-เว็บไซต์ : -==================14.30 น.6. วัดหน้าพระเมรุ ออกจากวัดธรรมมิกราช เลี้ยวซ้ายไปตามถนนไม่เกิน 300 เมตรจะเห็นสะพานข้ามคลองอยู่ขวามือ ข้ามสะพาน ขับไปแค่นิดเดียวเลี้ยวซ้ายก็ถึงวัดหน้าพระเมรุอยู่ขวามือค่ะ วัดนี้เป็นวัดโบราณวัดเดียวในอยุธยาที่ยังคงสภาพสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาที่สมบูรณ์มากที่สุด เนื่องจากเป็นวัดที่พม่าเคยใช้ตั้งกองบัญชาการรบ จึงไม่ได้ถูกพม่าเผาทำลาย มาถึงที่นี่อย่าลืมนมัสการพระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถพระประธานในอุโบสถซึ่งสร้างปลายสมัยอยุธยา เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องหล่อสำริดมีความงดงามมากดูรีวิวเต็มๆ ที่เยือน วัดหน้าพระเมรุ วัดสวย โบราณ ที่สมบูรณ์มากที่สุด ใน อยุธยาที่อยู่ : คลองสระบัว อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาพิกัด :https://goo.gl/maps/bfS8bSFC1kdNkzfA9เปิดให้เข้าชม : 08.30-16.30 น.โทร :-เว็บไซต์ : -==================15.00 น.7. วัดเชิงท่า ออกจากวัดหน้าพระเมรุ เลี้ยวขวาไปอีกหน่อยก็ถึงวัดเชิงท่าอยู่ซ้ายมือ ห่างกันแค่ 300 เมตรเองค่ะ วัดเชิงท่า หรือ วัดติณ หรือ วัดคลัง หรือ วัดโกษาวาสน์ เป็นวัดเก่าที่สร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1หรือพระเจ้าอู่ทองค่ะ ที่นี่เป็นวัดที่ยังมีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาอยู่ เข้าไปไหว้พระประธานในพระอุโบสถ แล้วสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจากนั้นก็เดินชมโบราณสถานต่างๆ ที่น่าสนใจ เช่น ปรางค์ประธาน มุขปรางค์ วิหาร เจดีย์ราย ศาลาการเปรียญฯที่อยู่ : ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาพิกัด :https://goo.gl/maps/TDFDxyNS4fnjEJ8H8เปิดให้เข้าชม : 08.30-16.30 น.โทร :-เว็บไซต์ :https://www.facebook.com/วัดเชิงท่า==================16.00 น.8. วัดท่าการ้องSombat Muycheen / Shutterstock.com ออกจากวัดเชิงท่า ขับรถต่อไปตามถนนเดิม (ออกจากวัดเลี้ยวซ้าย) ตรงมาประมาณ 160 เมตรจะเจอถนนใหญ่ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนนั้น ขับมาประมาณ 250 เมตรจะเจอสามแยกประตูชัย เลี้ยวขวาสู่ถนนอู่ทอง ขับมาเรื่อยๆ เลียบแม่น้ำมาอีกประมาณ 1.6 กิโลเมตรจะเจอสี่แยก ให้เลี้ยวขวาขึ้น สะพานกษัตราธิราช (ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา) ลงสะพานไป 150 เมตรเจอสี่แยกหัวแหลม ให้เลี้ยวขวาเข้าซอย ขับเลียบคลองส่งน้ำไป ขับเข้าไปประมาณ 800 เมตรจะเจอโค้งซ้าย พอหมดช่วงโค้งปั๊บให้สังเกตขวามือให้ดีจะมีซอยทางเข้าวัดท่าการ้องAnuwat suttha / Shutterstock.com วัดท่าการ้อง เป็นวัดที่ทันสมัย ไฮเทค แปลกกว่าวัดอื่นๆ จนเรียกได้ว่าเป็นเอนเตอร์เม้นท์คอมเพล็กซ์ด้านศาสนาเลยทีเดียว ทั้งตุ๊กตาปูนปั้น หุ่นคน หุ่นสัตว์ บางตัวมีกลไกลแมคานิคขยับได้ และเครื่องทำบุญเสี่ยงทายออโตเมติกต่างๆ และที่เด็ดสุดคือห้องน้ำติดแอร์ อีกทั้งด้านหลังของวัดท่าการ้องได้จัดให้เป็นตลาดน้ำวัดท่าการ้องซึ่งเปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์ ที่นี่มีของกินหลากหลายชนิด ทั้งก๋วยเตี๋ยวเรือ ข้าวผัด ของกินเล่น ราคาของกินที่นี่ราคาก็ไม่แพงอีกด้วยค่ะที่อยู่ : ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาพิกัด :https://goo.gl/maps/ewLE1aRHCywPUB3NAเปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.โทร : 06-1547-9897เว็บไซต์ :https://www.facebook.com/watthakarong==================17.00 น.9. วัดกษัตราธิราชวรวิหารkwanchai / Shutterstock.com มาถึงวัดที่ 9 ของเรากันแล้ว ออกจากวัดท่าการ้องขับรถย้อนกลับมาทางเดิมที่วัดกษัตราธิราชวรวิหารค่ะที่นี่เป็นพระอารามหลวงเก่าสมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งนอกเกาะเมืองทางด้านทิศตะวันตก และด้วยทำเลนี้เองพม่าจึงได้ยกทัพมาตั้งที่วัด และใช้เป็นที่ตั้งปืนใหญ่เพื่อใช้ยิงข้ามแม่น้ำเข้ามาในพระนคร แวะมาไหว้พระและให้อาหารปลากันได้ พร้อมชมวิวพระเจดีย์ศรีสุริโยทัยที่อยู่ฝั่งเกาะเมือง...


03 มีนาคม 2567...สุโขทัย

สุโขทัยมีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่านคือแม่น้ำยม เป็นที่ตั้ง อาณาจักรแรกของชนชาติไทย เมื่อ 700 กว่าปีที่ผ่านมาคำว่า "สุโขทัย" มาจากคำสองคำ คือ "สุข+อุทัย" มีความหมายว่า"รุ่งอรุณแห่งความสุข "สุโขทัยยังคงมีฐานะเป็นหัวเมืองชั้นโท จนกระทั่งยุครัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวปี พ.ศ. 2437ทรงกำหนดให้เทศาภิบาลขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย ยกเลิกระบบกินเมือง และระบบหัวเมืองแบบเก่า และจัดเป็นมณฑล เมืองอำเภอ หมู่บ้าน ทำให้สุโขทัยมีฐานะเป็นเมืองสุโขทัยภายใต้การจัดการบริหารราชการแผ่นดินส่วนภูมิภาคของมณฑลพิษณุโลกหลังปี พ.ศ. 2459 คำว่า "จังหวัด" ได้กลายเป็นคำที่เรียกหน่วยการปกครองระดับต่ำกว่ามณฑลแทนคำว่า "เมือง"เพื่อแยกความกำกวมจากคำว่าเมืองที่ใช้เรียกที่ตั้งศูนย์กลางการปกครองของจังหวัด (อำเภอเมือง) ทำให้ "เมืองสุโขทัย" ได้เปลี่ยนเป็น "จังหวัดสุโขทัย"ลอยกระทง 2566ปีนี้ ตรงกับวันที่ 27พฤศจิกายน 2566ค่ะ และถ้าพูดถึงจังหวัดที่จัดงานลอยกระทงได้สวยงามและยิ่งใหญ่ในทุกๆ ปี หนึ่งในนั้นก็ต้องมีสุโขทัยอย่างแน่นอน สำหรับปีนี้ประเพณีเผาเทียนเล่นไฟ2566จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่18-27 พฤศจิกายน 2566ที่วัดมหาธาตุ เมืองมรดกโลก สุโขทัย ภายใน อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยถึง 10 วันเต็มๆ ค่ะ ตามเรามาเที่ยวงานลอยกระทง สุโขทัยและรู้จักมนต์เสน่ห์ของประเพณีที่สืบทอดต่อกันมาของสุโขทัยกันได้เลย!วันลอยกระทง 2566 ประวัติวันลอยกระทง ที่มา ประเพณีไทยรวม ที่ลอยกระทง 10 งานลอยกระทง 2566 ทั่วไทย ลอยกระทง ที่ไหนดีงานลอยกระทง 2566 สุโขทัยประเพณีเผาเทียนเล่นไฟ พอเข้าสู่เทศกาลลอยกระทงในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12ของทุกปี แต่ละจังหวัดต่างก็ออกมาจัดงานเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกับเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละวัฒนธรรม หนึ่งในนั้นก็คือสุโขทัยที่จะจัดงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียนเล่นไฟ จังหวัดสุโขทัยขึ้น ที่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเป็นประจำทุกปี ในแต่ละปีเราก็จะได้เห็นพิธีลอยกระทง การจุดพลุเฉลิมฉลอง ประดับโคมไฟ และการแสดงแสงสีเสียงที่แสดงให้เห็นถึงอารยธรรมเมืองมรดกโลกแห่งนี้ค่ะI love photo / Shutterstock.comงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียนเล่นไฟ สุโขทัย 2566 ในปีนี้งานประเพณีลอยกระทง เผาเทียนเล่นไฟ สุโขทัย 2566จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่18-27 พฤศจิกายน 2566ที่วัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยค่ะ โดยภายในงานจะมีกิจกรรมมากมาย หลายโซน คือโซนที่ 1 :การแสดงแสงเสียงสุดตระการตาโซนที่ 2 :Check in Landmark โซนสีสันแห่งสายน้ำมหกรรมลอยกระทง บริเวณหน้าวัดชนะสงคราม (จัดโดย ททท.)โซนที่ 3 :การประกวดโคมชัก โคมแขวน พนมหมาก พนมดอกไม้ กระทงเล็ก บริเวณหน้าลานพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราชโซนที่ 4 :การประกวดกระทงใหญ่ บริเวณตระพังตาลโซนที่ 5 :การแสดงพลุตะไล ไฟพะเนียงโซนที่ 6 :การแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ และละครหุ่นโซนที่ 7 :การแสดงจำลองวิถีชีวิตสมัยกรุงสุโขทัยโซนที่ 8 :เที่ยวชมตลาดบ้านบ้านสุโขทัยโซนที่ 9 :เที่ยวชมตลาดแลกเบี้ยสุโขทัย - ตลาดรอบรั้วเมืองพระร่วงโซนที่ 10 :การสาธิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนเชิงสร้างสรรค์สุโขทัย (จัดโดย อพท.4) นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ที่น่าตื่นตาตื่นใจ และสนุกสนานที่รอให้ทุกคนมาสัมผัสกันอีกมากมายทั้ง การจัดตลาดโบราณ ตลาดประสาน การจัดประกวดกระทง โคมซัก โคมแขวน ประกวดนางนพมาศ การแสดงทางศิลปะวัฒนธรรม การแสดงพลุตะไล ไฟพะเนียง และการแสดงแสงเสียง สุโขทัย Light & Sound การแสดงแสงเสียงสุโขทัย Light & Sound การแสดงแสงเสียง สุโขทัย Light & Soundจัดขึ้นที่วัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยย้อนอดีตเรื่องราวความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรสุโขทัย ผ่านการถ่ายทอดจากนักแสดงนาฏศิลป์กว่า 400 ชีวิต ชมขบวนช้างยุทธหัตถี การละเล่นพลุตะไล ไฟพะเนียง (พลุไฟไทยแบบโบราณ) สุดตระการตา การแสดงมีทุกวันตั้งแต่วันที่ 18-27 พฤศจิกายน 2566 เวลา 19.00 น. และเพิ่ม รอบในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 เวลา 20.30 น.นักท่องเที่ยวสามารถซื้อบัตรเข้าชมการแสดงฯ ผ่านทางhttps://www.thaiticketmajor.comค่ะราคาบัตรเข้าชม สุโขทัย Light & Soundราคาบัตร 400, 600, 900 และ 1,200 บาทรายละเอียดงานลอยกระทงสุโขทัย เพิ่มเติมได้ที่https://www.facebook.com/งานประเพณีลอยกระทง-เผาเทียน เล่นไฟ-จังหวัดสุโขทัยhttps://www.facebook.com/tatsukhothaikamphaengphetประวัติประเพณีเผาเทียนเล่นไฟjeep2499 / Shutterstock.com ตามประวัติศาสตร์แล้วลอยกระทงเป็นพิธีกรรมเก่าแก่ของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่สมัยโบราณกาล ก่อนการเข้ามาของศาสนาพราหมณ์ฮินดูและพุทธศาสนา ด้วยความเชื่อและความศรัทธาใน"สายน้ำ"จึงมักจะมีการลอยกระทงเพื่อขอขมา และขอบคุณสายน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตค่ะ ความเชื่อเหล่านี้ได้สืบทอดมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งถึงสมัยสุโขทัยที่มีหลักฐานจารึกเกี่ยวกับประเพณีลอยกระทงอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในศิลาจารึกหลักที่ 1ของพ่อขุนรามคำแหงได้มีการกล่าวถึงประเพณีเผาเทียนเล่นไฟซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองของชาวสุโขทัยในสมัยก่อน โดยจะมีการเล่นดอกไม้ไฟในเทศกาลลอยโคม และลอยประทีป หรือ ลอยกระทงในช่วง 1 เดือนให้หลังจากออกพรรษา ซึ่งตรงกับกลางเดือน 12 พอดี จึงมีการสันนิษฐานว่าประเพณีดังกล่าวก็คือการลอยกระทงในสมัยสุโขทัยนั่นเองค่ะ สำหรับประเพณีเผาเทียนเล่นไฟที่จัดขึ้นในปัจจุบันนั้น เริ่มจัดขึ้นครั้งแรกระหว่างวันที่ 24-26 พฤศจิกายน พ.ศ.2520 ณ บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ด้วยความร่วมมือระหว่างจังหวัดสุโขทัยกรมศิลปากรและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อฟื้นฟูประวัติศาสตร์ลอยกระทงตั้งแต่สมัยสุโขทัยและส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายในงานจะมีการจุดพลุไฟฉลอง และมีกระทงทรงพุ่มข้าวบิณฑ์เป็นงานฝีมืออันวิจิตรที่สะท้อนความประณีตของช่างศิลป์เมืองสุโขทัย การประกวดนางนพมาศ และประกวดงานฝีมือหัตถกรรมต่างๆ นอกจากนี้ยังมีตลาดโบราณหรือตลาดแลกเบี้ยซึ่งจำลองบรรยากาศการซื้อขายแบบสมัยโบราณโดยใช้หอยเบี้ยแทนเงินสด ซื้อขายอาหารและสินค้าต่างๆ ในตลาด รวมถึงการแสดงแสงสีเสียงที่บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์สุโขทัยและการลอยกระทงนั่นเองค่ะ...