09 ราศีกันย์ - หลวงพ่อวัดไร่ขิงคนที่เกิดราศีกันย์ปีนี้จะมีดวงการงานที่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นค่ะแต่ปีนี้เรื่องความรักไม่โดดเด่นเท่าไรนักเสริมดวงเรื่องความรักให้ปังได้ด้วยการไหว้พระประจำราศีนั่นก็คือ หลวงพ่อวัดไร่ขิงว่ากันว่าขอพรแล้วจะสมหวังดังที่ขอ ใครอยากโดดเด่นเรื่องความรักบอกเลยว่าต้องลองค่ะ นอกจากนี้ยังช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัยอีกด้วยขึ้นชื่อว่าการไหว้พระทำบุญ พูดเลยว่าต้องดีแน่นอน องค์หลวงพ่อวัดไร่ขิงเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 4 ศอก 2 นิ้วเศษ สูง 4 ศอก 16 นิ้วเศษประดิษฐานอยู่บนฐานอยู่บนฐานชุกชี 5 ชั้น เบื้องหน้าผ้าทิพย์ปูทอดลงมาองค์หลวงพ่อวัดไร่ขิงประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ภายในอุโบสถ หันพระพักตร์ไปทางทิศอุดร (ทิศเหนือ)ซึ่งหน้าวัดมีแม่น้ำนครชัยศรีหรือแม่น้ำท่าจีนไหลผ่านจากหนังสือประวัติของวัดไร่ขิงได้กล่าวไว้ว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) ได้อัญเชิญมาจากวัดศาลาปูนโดยนำล่องมาทางน้ำด้วยการทำแพไม้ไผ่หรือที่เรียกกันว่าแพลูกบวบรองรับองค์พระปฏิมากรณ์เมื่อถึงหน้าวัดไร่ขิงจึงได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ภายในอุโบสถ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5ซึ่งเป็นวันสงกรานต์พอดีจึงมีประชาชนจำนวนมากมาชุมนุมกัน ในขณะที่อัญเชิญองค์หลวงพ่อขึ้นจากแพสู่ปะรำพิธีได้เกิดอัศจรรย์แสงแดดที่แผดจ้ากลับพลันหายไป ความร้อนระอุในวันสงกรานต์ก็บังเกิดมีเมฆดำมืดทะมึนลมปั่นป่วน ฟ้าคะนอง และบันดาลให้มีฝนโปรยลงมาทำให้เกิดความเย็นฉ่ำและเกิดความปิติ ยินดีกันโดยทั่วหน้าประชาชนที่มาต่างก็พากันตั้งจิตรอธิษฐานเป็นหนึ่งเดียวกัน ว่า “หลวงพ่อจะทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขดับความร้อนร้ายคลายความทุกข์ให้หมดไป ดุจสายฝนที่เมทนีดลให้ชุ่มฉ่ำ เจริญงอกงามด้วยธัญญาหารฉะนั้น”ส่วนตำนานของเมืองนครปฐมนั้นเล่าว่า มีพระ 3 องค์ ลอยน้ำมาพร้อมกันและแสดงปาฏิหาริย์จะเข้าไปยังบ้านศรีมหาโพธิ์ ซึ่งมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ จึงได้เรียกตำบลนั้นว่า "บางพระ"พระพุทธรูป 3 องค์ลอยไปจนถึงปากน้ำท่าจีนแล้วกลับลอยทวนน้ำขึ้นมาใหม่ จึงเรียกตำบลนั้นว่า "สามประทวน" หรือ "สัมปทวน"แต่เนื่องจากตำบลที่ชาวบ้านพากันไปชักพระขึ้นฝั่งเพื่อขึ้นประดิษฐาน ณ หมู่บ้านของตน แต่ทำไม่สำเร็จต้องเปียกฝนและตากแดดตากลมจึงได้ชื่อว่า "บ้านลานตากฟ้า" และ "บ้านตากแดด"ในที่สุดพระพุทธรูปองค์แรกจึงยอมสถิต ณ วัดไร่ขิงเรียกกันว่า "หลวงพ่อวัดไร่ขิง"ส่วนองค์ที่ 2 ลอยน้ำไปแล้วสถิตขึ้นที่วัดบ้านแหลมจังหวัดสมุทรสงคราม เรียกว่า "หลวงพ่อวัดบ้านแหลม"และองค์ที่ 3 ลอยตามน้ำไปตามจังหวัดเพชรบุรี แล้วขึ้นสถิตที่วัดเขาตะเครา เรียกว่า "หลวงพ่อวัดเขาตะเครา"สนใจสินค้า :เครดิต.wongnaiwikipedia...
10 ราศีตุลย์ - หลวงพ่อโตสำหรับชาวราศีตุลย์บอกเลยว่าปีนี้ปังมากกกก!ดีทั้งหัวปีและท้ายปี การงานก้าวหน้ามั่นคงเป็นปีแห่งการสร้างเนื้อสร้างตัวเลยก็ว่าได้ส่วนใครที่อยากไหว้พระเสริมดวงให้ปังขึ้นไปอีกแนะนำให้ไหว้พระประจำราศีนั่นก็คือ หลวงพ่อโต เลยค่ะเชื่อกันว่าเมื่อกราบไหว้แล้วจะพบแต่ความมงคล ไร้ทุกข์โศกและช่วยให้ผู้ที่มากราบไหว้บูชาพบแต่ความสงบราบรื่นในชีวิตหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองสุพรรณมาแต่โบราณกาลตามพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้ากาแตโปรดให้บูรณะวัดป่าเลไลยก์ เมื่อ พ.ศ. 1724แสดงว่าแสดงว่าวัดนี้ได้สร้างมาแล้วก่อนหน้านั้นองค์พระประดิษฐานอยู่ในวิหารที่สูงใหญ่ มองเห็นเด่นแต่ไกลเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองปางป่าเลไลยก์ขนาดใหญ่สูง 23 เมตรเศษสร้างตามแบบศิลปอู่ทองรุ่นที่สอง ซึ่งเป็นศิลปะฝีมือสกุลช่างอู่ทองแท้ ๆ เดิมทีองค์พระประดิษฐานอยู่กลางแจ้งพระหัตถ์ขวาหัก ช่างได้สร้างวิหารครอบ โดยให้ผนังวิหารชิดกับพระหัตถ์ขวา ส่วนทางพระหัตถ์ซ้ายให้มีที่ว่างด้านหลังองค์พระสร้างชิดกับผนังวิหารทำให้แข็งแรง นับเป็นความชาญฉลาดของช่างเป็นอย่างยิ่งมีผู้สันนิษฐานว่า เดิมเป็นพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา ประทับนั่งอยู่กลางแจ้ง พระกรทั้งสองข้างหักหายไปผู้ที่มาบูรณใหม่ได้ทำเป็นปางป่าเลไลยก์ตามที่นิยมกันในสมัยหลัง ลักษณะประทับนั่งห้อยพระบาทพระหัตถ์ซ้ายวางคว่ำบนพระชานุข้างซ้าย พระหัตถ์ขวาวางหงายบนพระชานุข้างขวาในท่าทรงรับของถวายพระวิหารที่สร้างครอบองค์พระ สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะเห็นว่าที่หน้าบันของพระวิหาร มีพระราชลัญจกรประจำพระองค์ คือเป็นรูปพระมหามงกุฎอยู่ระหว่างฉัตรคู่ปรากฏอยู่สนใจสินค้า :Racer (racerlighting.com)เครดิต.wongnaiwikipedia...
11 ราศีพิจิก - พระโพธิสัตว์กวนอิมต่อกันด้วยราศีพิจิก ถึงจะเป็นราศีที่ราหูเข้า แต่ก็ยังมีเกณฑ์ดียังมีความโชคดีในเรื่องการงานการเงิน ในส่วนของความรักต้องค่อย ๆดูกันไปก่อน สำหรับพระประจำราศีที่ควรกราบไหว้นั้นนั่นก็คือพระโพธิสัตว์กวนอิม หรือที่รู้จักกันในชื่อเจ้าแม่กวนอิมเชื่อกันว่าการกราบไหว้เจ้าแม่กวนอิมจะช่วยเสริมในเรื่องของการรับทรัพย์ร่ำรวยและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ที่สำคัญว่ากันว่าผู้ที่บูชาเจ้าแม่กวนอิมนั้นจะต้องไม่กินเนื้อ เพื่อที่จะได้รับบุญสูงสุดด้วยค่ะพระโพธิสัตว์กวนอิม (ประสูติ 19 เดือนยี่จีน) เดิมเป็นเทพธิดาซึ่งต้องการช่วยปลดเปลื้องทุกข์ภัยแก่มวลมนุษย์ในชาติสุดท้ายจึงจุติลงมายังโลกมนุษย์นาม เจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน เป็นพระราชธิดาองค์เล็กของกษัตริย์แห่งอาณาจักรซิงหลิง พระนามว่า พระเจ้าเมี่ยวจวง กับพระนางเซี่ยวหลิน (พระนางเป๋าเต๋อ)มีพระพี่นาง 2 พระองค์ คือ เจ้าหญิงเมี่ยวอิม และเจ้าหญิงเมี่ยวหยวนในเยาว์วัย เจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน ทรงเป็นพุทธมามกะ รู้แจ้งในหลักธรรมลึกซึ้ง ตั้งพระทัยแน่วแน่จะบำเพ็ญภาวนาเพื่อหลุดพ้นสังสารวัฏ ทรงออกบวชวันที่ 19 เดือน 9 พระเจ้าเมี่ยวจวงไม่เห็นด้วย จึงบังคับให้เลือกราชบุตรเขยเพื่อจะได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป แต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านไม่สนพระทัยเรื่องลาภ ยศ สรรเสริญ อันจอมปลอมแม้จะถูกพระบิดาดุด่าอย่างไร พระองค์ก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองแต่อย่างใดต่อมาเจ้าหญิงสามพระองค์ได้ถูกขับไปทำงานหนักในสวนดอกไม้ เช่น หาบน้ำ ปลูกดอกไม้ทั้งนี้เพื่อทรมานให้เปลี่ยนความตั้งใจ แต่ก็มีเหล่ารุกขเทวดามาช่วยทำแทนให้ทั้งหมดเมื่อพระเจ้าเมี่ยวจวงเห็นว่าไม่ได้ผล จึงรับสั่งให้หัวหน้าแม่ชี นำเจ้าหญิงทั้งสามไปอยู่ที่วัดนกยูงขาวและให้เอางานของแม่ชีทั้งวัดมอบให้เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านทำพระองค์เดียว แต่พระองค์มีพระทัยเด็ดเดี่ยวไม่เกี่ยงงานการต่างๆ ก็มีเหล่าเทพารักษ์มาช่วยทำแทนให้อีก พระเจ้าเมี่ยวจวงเข้าพระทัยว่า พวกแม่ชีไม่กล้าเคี่ยวเข็ญใช้งานหนักก็ยิ่งทรงกริ้วหนักขึ้น สั่งให้ทหารเผาวัดนกยูงขาวจนวอดเป็นจุณไป พร้อมกับพวกแม่ชีทั้งวัด มีแต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านเท่านั้นที่ปลอดภัยรอดชีวิตมาได้พระเจ้าเมี่ยวจวงทรงทราบดังนั้น จึงรับสั่งให้นำตัวเจ้าหญิงเมี่ยวซ่านไปประหารชีวิตเทพารักษ์คอยคุ้มครองเจ้าหญิงเมี่ยวซ่านอยู่ โดยเนรมิตทองทิพย์เป็นเกราะห่อหุ้มตัว คมดาบของนายทหารจึงไม่อาจระคายพระวรกาย ดาบหักถึง 3 ครั้ง 3 ครา พระเจ้าเมี่ยวจวงทรงกริ้วยิ่งนัก โดยเข้าพระทัยว่านายทหารไม่กล้าประหารจริงจึงให้ประหารนายทหารแทน แล้วรับสั่งให้จับเจ้าหญิงเมี่ยวซ่านไปแขวนคอ ทว่าผ้าแพรที่แขวนคอก็ขาดสะบั้นลงอีกทันใดนั้นปรากฏมีเสือเทวดาตัวหนึ่งได้นำเจ้าหญิงเมี่ยวซ่านขึ้นพาดหลังแล้วเผ่นหนีไปที่เขาเซียงซันต่อมา เทพไท่ไป๋ได้แปลงร่างเป็นชายชรามาโปรดเจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน ชี้แนะเคล็ดวิธีการบำเพ็ญเพียรเครื่องดับทุกข์จนสามารถบรรลุมรรคผลสำเร็จธรรม วันที่ 19 เดือน 6 ข้างฝ่ายพระเจ้าเมี่ยวจวงเข้าพระทัยว่าเจ้าหญิงเมี่ยวซ่านถูกเสือคาบไปกินเสียแล้ว จึงไม่ได้ติดใจตามราวีอีกต่อมาไม่นานบาปกรรมที่พระองค์ก่อไว้ส่งผล เกิดป่วยด้วยโรคร้ายแรง ไม่มียารักษาให้หายได้เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านได้ทรงทราบด้วยญาณวิถีว่า พระเจ้าเมี่ยวจวงกำลังประสบเคราะห์กรรมอย่างหนักด้วยความกตัญญูกตเวทีเป็นเลิศ มิได้ถือโทษโกรธการกระทำพระบิดาแม้แต่น้อย ทรงได้สละดวงตาและแขนสองข้างเพื่อรักษาพระบิดาจนหายจากโรคร้าย ว่ากันว่า ภายหลังสำเร็จอรหันต์ ได้ดวงตาและพระกรคืนเคยแสดงปาฏิหาริย์เป็นปางกวนอิมพันมือ เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านนั้น ตอนแรกเป็นชาวพุทธตอนหลังเทพไท่ไป๋ได้มาโปรด ชี้แนะหนทางดับทุกข์ เหตุนี้พระโพธิสัตว์กวนอิมจึงเป็นเทพทั้งฝ่ายพุทธและฝ่ายเต๋าในเวลาเดียวกันสนใจสินค้า :Racer (racerlighting.com)เครดิต.wongnaiwikipedi...
12 ราศีธนู - หลวงพ่อเงิน วัดปากน้ำมาถึงราศีธนูกันแล้วค่ะ เรียกได้ว่าเป็นปีที่ดีของชาวราศีธนูเลยจะพบกับความมั่นคงมั่งคั่งเรื่องการงานการเงินเหมาะกับการเริ่มทำธุรกิจใหม่ แน่นอนว่าถึงดวงจะปังแล้วเราก็อยากปังขึ้นอีก! เสริมดวงด้วยการไหว้พระประจำราศีนั่นคือ หลวงพ่อเงิน วัดปากน้ำ กราบไหว้บูชาเชื่อว่าจะพบแต่กัลยาณมิตรและบริวารที่ดี การเงินคล่องตัวมีโชคลาภ รวมไปถึงเสริมดวงพบแต่สิ่งดี ๆ ในชีวิตอีกด้วยค่ะมหัศจรรย์..หลวงพ่อเงิน 700 ปี แห่ง ชุมชน บ้านปากน้ำ บุ่งสระพัง อุบลราชธานี,หลวงพ่อเงินเป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนล้านช้าง อายุ 700 ปี เป็น พระชัยหลังช้าง หนึ่งเดียวแห่งอีสานหลวงพ่อเงิน เป็น พระพุทธรูป ที่มีความเกี่ยวข้องกับการสถาปนาเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัยแห่งค่ายนักรบในอดีต ได้ขุดพบ ณ จุดไกล้เคียง ค่ายดอนมดแดง ณ วัดป่าพระพิฆเณศวร์ ริมแม่น้ำมูลหลวงพ่อเงิน ได้ขุดพบเมือง ปี พ.ศ. 2515ภายหลัง ลำแสงประหลาด พุ่งขึ้นใส่เครื่องบิน ทหารอเมริกัน ใน ยุคสมัยสงครามเวียตนาม ”หลวงพ่อเงิน พระชัยหลังช้าง แห่งแผ่นดินอีสาน 700 ปี อุบลราชธานีประวัติความเป็นมา ของ หลวงพ่องิน อันสืบเนื่องจาก เมื่อคราว พระมงคลธรรมวัฒน์ (บุญจันทร์ จตฺตสลฺโล)ได้ สร้างพระอุโบสถมิตรภาพไทย-อเมริกัน นึ้น ท่านได้นิมิตถึง ตาชีปะขาวมาบอกว่าที่ วัดป่าพิฆเณศวร์ ยังมีสมบัติอยู่มาก แต่ไม่สามารถที่จะนำขึ้นมาได้พร้อมกับระบุตำแหน่งให้ทราบ ของบางอย่างเจ้าของเขาไม่ให้ ของบางอย่าง นำขึ้นมาก็จะเกิดอันตรายแก่ผู้ครอบครองแต่ยังมีของสำคัญอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ควรที่จะอยู่ใต้แผ่นดิน อยากให้ไปเอาขึ้นมาเก็บรักษาไว้เพื่อเป็น สมบัติของพระศาสนา ให้ลูกหลานได้เคารพสักการบูชา ของสิ่งนั้น คือ “พระพุทธรูปเงิน ”พร้อมกับกล่าวต่อไปว่ารุ่งขึ้นจะเกิดพายุในตอนบ่าย ต้นตาล ภายในวัดจะหัก ปลายตาลหักไปทางทิศไหนก็ให้ไป ขุดตรงที่ปลายตาลที่ล้มลงครั้นแล้ว ชายในชุดขาวก็หายไป เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา พระมงคลธรรมวัฒน์เกิดความรู้สึกเป็นสุขเอิบอิ่มใจอย่างประหลาด ครั้นต่อมาก็เกิดเหตุการณ์ดังนิมิต.ชาวบ้านได้เล่าถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่า ปกติต้นตาลเป็นต้นไม้ที่มีความแข็งแรง แม้ถูกลมพัดก็ยากที่จะหักโค่นแต่วันนั้นต้นตาล ในวัดร้างเมื่อถูกลมก็หักโค่นลงผิดปกติวิสัย สิ่งที่แปลกและน่าอัศจรรย์ คือ แทนที่ต้นตาลจะล้มไปตามแรงลมแต่ต้นตาลกลับทวนกระแสลม ล้มลงทางทิศเหนือ พระมงคลธรรมวัฒน์ ได้นำชาวบ้านไปที่วัดป่า แล้วจุดธูปเทียนเครื่องสักการบูชาคุณพระรัตนตรัย คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ พร้อมกับอธิษฐานจิตอย่างแน่วแน่และมั่นคงว่า“ หากเป็นจริงดังนิมิต ท่านก็จะรักษาพระพุทธรูปไว้ให้เป็นที่เคารพสักการบูชาของลูกหลานและพุทธศาสนิกชนสืบไปขออย่าได้มีอุปสรรคใดๆ มาขัดขวาง” ครั้นแล้วก็ขุดตรงที่ปลายต้นตาลหักลงตามนิมิต เมื่อขุดลงไปลึกประมาณชั่วคนยืนก็ได้พบแผ่นศิลา ๔ เหลี่ยมถูกจัดไว้ในลักษณะหีบ มีความสวยงาม อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ทุกประการ ถูกฝังอยู่ใต้ดินลักษณะของการฝังผู้ฝังมีการเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อนำขึ้นมาเปิด ฝาหีบออกก็ปรากฏว่าภายในหีบศิลานั้นมีทรายเนื้อละเอียดสีขาวใสบริสุทธิ์เต็มหีบศิลานั้น เมื่อทรายต้องแสงอาทิตย์ก็ส่องประกายวาว ระยิบระยับเมื่อนำทรายออกมา ก็เห็น พระพุทธรูปปางมารวิชัย เนื้อเงินบริสุทธิ์ ประดิษฐาน อยู่ภายใน หีบศิลานั้น ดังนิมิตท่านบอกว่า “เสียดายที่หลวงพ่อไม่ได้เก็บทรายนั้นไว้”. พระพุทธรูป นั้นคง พุทธลักษณะ ที่มีความงดงามแม้จะถูกฝังรักษาไว้ใต้พื้นดินก็ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ผิวเงินยังสวยงามโดยไม่ได้รับการกระทบกระเทือนใดๆพระมงคลธรรมวัฒน์อัญเชิญหลวงพ่อเงินประดิษฐานไว้ แล้วน้อมลงกราบด้วยปีติและศรัทธาที่ตั้งมั่นจากนั้น ท่านได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่ วัดปากน้ำ และถวายนามว่า “ หลวงพ่อเงิน”โดยกำชับชาวบ้านมิให้นำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวให้ใครฟัง การที่ท่านกำชับไม่ให้ชาวบ้านนำเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังเนื่องจากเกรงจะเกิดปัญหาและถูกยึดไปเป็นสมบัติของหลวงเหมือนเมื่อครั้งขุด พระพิฆเณศวร์ ได้ส่วน หีบศิลาหินทราย ท่านให้นำไปวางไว้ ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ ภายในบริเวณวัดป่าแห่งนี้นัยว่าเพื่อเป็นการบูชาพระพุทธองค์ ต่อมา ต้นโพธิ์ก็ได้ห่อหุ้มหีบศิลานั้นเอาไว้แล้วกลืนหายไปตามกาลเวลาพระมงคลธรรมวัฒน์ เล่าว่า เมื่อครั้งชาวบ้านขุดพบ พระพิฆเณศวร์ที่บริเวณวัดป่าแห่งนี้สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส ป.ธ. ๕ พุทธศักราช ๒๔๘๒-๒๔๙๙) ทราบข่าว ท่านได้ออกมาตรวจสอบและขอไปปัจจุบัน พระพิฆเณศวร์ถูกนำไปเก็บไว้ที่วัดสุปัฏนาราม เมืองอุบลราชธานีเมื่อมีการขุดพบ พระพุทธรูป ตามที่ปรากฏใน นิมิตของ หลวงพ่อพระมงคลธรรมวัฒน์ ชาวบ้านทุกคนจึงถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องรักษาหลวงพ่อเงินเทพนิมิตไว้เป็นมรดกของลูกหลานในหมู่บ้านเพราะความผูกพันที่มีต่อบ้านเกิด และต้องการให้ลูกหลานได้ศึกษาถึงประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านพระมงคลธรรมวัฒน์ ได้สร้างพิพิธภัณฑ์ประจำหมู่บ้านขึ้นมาหลังหนึ่ง ให้ชื่อว่า “พิพิธภัณฑ์บ้านปากน้ำ วิถีชีวิตชาวบ้านลุ่มน้ำบุ่งสระพัง”เพื่อใช้เป็นแหล่งเก็บรวบรวมโบราณวัตถุ และประวัติความเป็นมาของชุมชนแห่งนี้จะได้เป็นแหล่งศึกษาของประชาชนต่อไป หลวงพ่อเงิน กับการสถาปนาเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัย.หลวงพ่อเงิน พระชัยหลังช้างแห่งแผ่นดินอีสาน เป็นพระพุทธรูปเนื้อเงินปางมารวิชัยศิลปะเชียงแสนล้านช้าง ฝีมือตระกูลช่างชาวบ้าน อายุประมาณ ๗๐๐ ปี ขึ้นไปจากนิมิตของ หลวงพ่อพระมงคลธรรมวัฒน์ ทำให้ทราบว่า หลวงพ่อเงินเป็นพระพุทธรูปที่มีความเกี่ยวข้องกับการสถาปนาเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประจำกองทัพ ของเจ้าปางคำแห่งราชวงศ์เชียงรุ้ง แสนหวีฟ้า สิบสองปันนา ที่แตกหนีกองทัพจีนฮ่อมาสร้างนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน หนองบัวลุ่มภู ในปี พ.ศ. ๒๒๒๘ในการนั้น เจ้าปางคำได้อัญเชิญหลวงพ่อเงินขึ้นเป็นพระพุทธรูปประจำทัพมาด้วยต่อมา ราวปีพุทธศักราช ๒๓๑๔ พระเจ้าสิริบุญสารแห่งเวียงจันทน์ ได้ครองราชย์ เกิดหวาดระแวงเจ้าพระวอ เจ้าพระตาว่าจะเป็นกบฏพระเจ้าสิริบุญสารจึงได้ยกทัพมาตี นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน ทำให้เจ้าพระตาถึงแก่อสัญกรรม ในสนามรบ เจ้าพระวอ ผู้น้องขึ้นเป็นผู้นำกองทัพแทนและได้ย้ายบ้านเมืองจากนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน มาตั้งบ้านเมืองอยู่ที่บ้านดอนมดแดงอันเป็นบริเวณอำเภอดอนมดแดงตลอดลำน้ำมูลขึ้นมาจนถึงตำบลกุดลาด ไปจนถึงที่ตั้งเมืองอุบลราชธานี ในปัจจุบันภายหลังเจ้าพระวอ ถูกทหารเวียงจันทน์โจมตี จนถึงแก่อสัญกรรมที่ค่ายบ้านดู่บ้านแก เขตนครจำปาศักดิ์ต่อมาท้าวคำผง ผู้บุตรเจ้าพระตา ได้ขึ้นเป็นผู้นำกองทัพ และได้แต่งตั้งให้ทหารไปเฝ้าพระเจ้ากรุงธนบุรีเพื่อขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารสืบไปหลวงพ่อเงิน จึงน่าจะเป็นพระพุทธรูปประจำเมืองที่มี ความสำคัญหรือพระพุทธรูปประจำค่ายบ้านดอนมดแดงของเจ้าพระวอ ถ้าจะเปรียบก็น่าจะอยู่ในระดับพระไชยหลังช้างคือ เป็นพระพุทธรูปประจำทัพ เมื่อจะไปทัพที่ไหน เมื่อเกิดสงครามที่ไหน ก็จะอัญเชิญ พระพุทธรูปประดิษฐานบนหลังช้างไปกับกองทัพเพื่อให้เป็นสิริมงคลและเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ.การขุดพบพระพุทธรูปเงินศิลปะเชียงแสนล้านช้าง บริเวณ วัดป่าพิฆเณศวร์ บุ่งสระพังจึงมีความเป็นไปได้ว่า บริเวณ วัดป่าพิฆเณศวร์น่าจะเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญ ในการตั้งบ้านเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัย ของกองทัพเจ้าพระวอภายหลังอพยพมาจากนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบานสู่ลุ่มน้ำมูลปัจจุบัน หลวงพ่อเงิน 700 ปี ได้ประดิษฐาน ที่ วัดปากน้ำ บุ่งสระพัง อุบลราชธานีและมี ประเพณีแห่หลวงพ่อเงิน 700 ปี ประจำทุกๆ ปี ของวันที่ 13 เมษายนสนใจสินค้า :Racer (racerlighting.com)เครดิต.wongnaipaknamubonclub.com...
จะเข้าฤดูฝนแล้วเรเซอร์นำวิธีการป้องกันอันตรายจากการใช้ไฟฟ้าในหน้าฝนมาฝากกันค่ะ5 วิธีใช้ไฟฟ้าอย่างไรให้ปลอดภัยในหน้าฝน1. ถอดปลั๊กไฟหลังใช้งานทุกครั้ง2. หมั่นตรวจสอบ ซ่อมแซม เครื่องใช้ไฟฟ้า3. ไม่สัมผัสอุปกรณ์ไฟฟ้า ขณะตัวเปียก4. ชีวิตปลอดภัยเมื่อใช้สายดิน5. ติดตั้งเครื่องตัดกระแสไฟอัตโนมัติป้องกันไฟดูดไฟรั่ว และไฟฟ้าลัดวงจร#Racerlighting#LightUpTheFuture...
Work from home ยังไง❓ช่วยประหยัดไฟมากขึ้น ?จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19แน่นอนว่าการอยู่บ้านทั้งวันทั้งคืน ทำให้มียอดใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นวันนี้เรามี 5 วิธีประหยัดค่าไฟ ?เมื่อต้อง Work from home มาฝากกันค่ะ1. เลือกมุมทำงานให้มีแสงสว่างอย่างเพียงพอมุมหน้าต่างที่มีแสงธรรมชาติ ?จะช่วยให้เราประหยัดไฟมากขึ้น2.? ตั้ง Sleep Modeเมื่อไม่ได้ใช้งาน Computer เพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่ ?3. เลือกใช้หลอด LED แทนหลอดไฟธรรมดา ?4. เปิดพัดลมช่วยไล่ความร้อนก่อนเปิดแอร์ ❄️ทำให้ตอนเปิดแอร์ไม่ต้องทำงานหนักมากแอร์กระจายได้ทั่วห้อง5. ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าและถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน ?เพื่อลดการใช้กระแสไฟฟ้าได้อีกทางหนึ่ง...